ญี่ปุ่นเปิดตัวอลูมิเนียมคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมการรีไซเคิลและสิ่งแวดล้อม

by ESGuniverse, 24 เมษายน 2567

ทอสเท็ม (TOSTEM) ก้าวสู่ปีที่ 101 ชูแผนธุรกิจสู่ Net-Zero 2050 โชว์นวัตกรรมอลูมิเนียมคาร์บอนต่ำ “PremiAL R100” ผลิตมาจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ยกระดับการสร้างที่อยู่อาศัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างวิถีชีวิตยั่งยืน

หากที่อยู่อาศัยของเราไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเงินในกระเป๋า จะถือว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีและมีคุณภาพได้หรือไม่ และหากเปรียบที่อยู่อาศัยคือโลกของเราแล้ว การเลือกใช้ข้าวของหรือวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่เป็นมิตรต่อโลก ก็ถือว่าไม่เป็นมิตรต่อตัวเราเช่นกัน

 

 

ทอสเท็ม (TOSTEM) บริษัทผลิตบานประตู หน้าต่าง ประตูหน้าบ้าน ผลิตภัณฑ์นอกตัวบ้านจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมวัสดุเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม เพื่อการอยู่ร่วมกันของคนและสิ่งแวดล้อม ล่าสุดเปิดตัวอลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม “PremiAL R100” ซึ่งผลิตมาจากอลูมิเนียมรีไซเคิล100%

 

 

นายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตประตูหน้าต่างอลูมิเนียมแบรนด์ทอสเท็ม (TOSTEM) ภายใต้บริษัท ลิกซิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (LIXIL) เปิดเผยว่า ปีนี้ทอสเท็มมุ่งขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยแกนหลักสำคัญ คือ การนำนวัตกรรมสู่ตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “RE-CONNECTING LIVES” หรือ “การทำธุรกิจเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าเดิม” เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจ “FRAME THE FUTURE OF LIVING” พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม 2050 (Net-Zero 2050) มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emission) และใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

อลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม รีไซเคิล 100%

โดยได้นำเสนอนวัตกรรมล่าสุด อลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม “PremiAL R100” ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ที่โรงงานทอสเท็มไทย ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ได้รับการรับรองจากฉลากสิ่งแวดล้อม EcoLeaf และ JIC Quality Assurance Ltd. โดยมีการตรวจสอบกระบวนการผลิตเพื่อให้แน่ใจว่าใช้อลูมิเนียมรีไซเคิล 100% และไม่มีอลูมิเนียมใหม่มาเจือปน

อลูมิเนียมหลอมใหม่ไม่ใช้อินกอต

ทอสเท็ม ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรม อลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม PremiAL R100 เนื่องจากแร่ที่ใช้ในการผลิต ผ่านกระบวนการต่างๆ เป็นลิ่มโลหะ หรือ อินกอต(Ingot) ก่อนนำมาผลิตเป็น กระจก หน้าต่าง แต่ด้วยความที่สินแร่อลูมิเนียมนั้นจำนวนมีจำกัด จึงอาจส่งไปไม่ถึงรุ่นลูกหลาน จึงได้มีการนำอลูมิเนียมเก่ามาหลอม โดยไม่ใช้อินกอต ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การทำคาร์บอนเครดิตได้ในอนาคต

“ การใช้อลูมิเนียมรีไซเคิลจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 97% เมื่อเทียบกับการถลุงอลูมิเนียมใหม่ ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการผลิตลง 80% และคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Scope 3 ลงถึง 30% ภายในปี 2031 โดยพร้อมจัดจำหน่ายเดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป ”

 

 

แปลงขยะพลาสติกและเศษไม้เหลือทิ้ง เป็นวัสดุปูพื้นทางเดิน

นอกจากนี้ ยังมีวัสดุปูพื้นทางเดินรีไซเคิลแบรนด์ REVIA จาก LIXIL ประเทศญี่ปุ่น ที่ผลิตจากขยะพลาสติกและเศษไม้เหลือทิ้ง จากการรื้อถอนอาคาร ซึ่ง REVIA สามารถรีไซเคิลผลิตภัณฑ์จากขยะพลาสติกประเภทต่าง ๆ ได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกใช้ในครัวเรือน พลาสติกเชิงพาณิชย์ พลาสติกผสม และพลาสติกที่ลอยในทะเล โดยทุกการผลิต 1 ตัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 82%

3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน


แนวคิดด้านความยั่งยืน หรือ ESG ของ ทอสเท็ม ประกอบด้วย การดำเนินธุรกิจผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่
E - ได้แก่ การดูแลเรื่องการใช้วัสดุรีไซเคิล
S - ได้แก่ ลูกค้า สังคม รวมไปถึงการใช้พลังงานภายในครัวเรือน ด้วยการใช้วัสดุประตู หน้าต่างที่ช่วยระบายอากาศ ลดอากาศรั่วไหล จึงช่วยประหยัดไฟและลดการใช้พลังงาน
G - ได้แก่ การยึดมั่นความโปร่งใสในการทำธุรกิจ

 

ขยายฐานลูกค้า เจาะกลุ่มรีเทลมากขึ้น

นายวิชา กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจของทอสเท็มในปี 2567 ว่า ตั้งเป้ายอดขายรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 20 % จากปีที่แล้ว และการเปิดตัว PremiAL 100 คาดว่าจะขยายตลาดสู่ลูกค้า 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืนและเลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือกลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านเอง แต่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมได้เพิ่มมากขึ้น และยังดำเนินการตามแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าอยู่อาศัย (Retails) มากขึ้น พร้อมขยายส่วนแบ่งการตลาดกลุ่ม Upper Mass – Luxury Segment

 

ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจขยาย TOSTEM Studio

ทอสเท็ม ผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจขยาย TOSTEM Studio ที่บริหารโดยตัวแทนจำหน่าย ขยายโชว์รูมในพื้นที่จริงให้ครอบคลุมในต่างจังหวัด โดยเน้นหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อขยายตลาดลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัย, รีสอร์ท และบริษัทรับสร้างบ้านในพื้นที่ดังกล่าว


โดยขณะนี้ได้ทำการเปิด TOSTEM Studio ไปแล้ว 13 แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี, พิษณุโลก,อุดรธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา, กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, สงขลา, กาญจนบุรี,เชียงราย, ชลบุรี, อุบลราชธานี, และนครปฐม ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายโชว์รูมให้ครอบคลุมครบทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคได้เลือกซื้อ สัมผัส ทดลอง และเห็นสินค้าจริง โดยบริษัทมีเป้าหมายในการขยาย TOSTEM Studio ให้ครบ 20 สาขาในปีนี้

 

 

เตรียมออกบูธร่วมงานสถาปนิก’67 (Architect Expo 2024)

ปีนี้ ทอสเท็ม เตรียมร่วมออกบูธในงานสถาปนิก’67 (Architect Expo 2024) เพื่อเป็นการสื่อสารถึงแนวทางการขับเคลื่อนแบรนด์ที่ก้าวสู่ปีที่ 101 ด้วยนวัตกรรมสู่ตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำในเรื่องการออกแบบที่ยั่งยืนและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

“ ปีนี้ ทอสเท็ม ออกแบบบูธด้วยแนวคิด SUSTAINABLE DESIGN เน้นการดูแลรักษาอย่างยั่งยืนด้วยวัสดุรีไซเคิล โดยวัสดุทั้งหมดประกอบด้วย อลูมิเนียม, กระจก, เหล็ก, ไม้อัด OSB ,กระดาษลูกฟูก ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ทั้งหมด ไม่มีเหลือทิ้งหลังจากจบงาน ”

 

ขนนวัตกรรมเด่น ผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมโชว์ในงาน

นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมเรือธงและผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ GIESTA, FamiLock ชุดล็อกระบบดิจิตอลใหม่ล่าสุด สำหรับประตู เทคโนโลยีกุญแจเพื่อบ้านอัจฉริยะ (Smart Home Key) นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
GRANTS ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ สำหรับอาคารแนบราบ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านดีไซน์ของโครงการบ้านและโครงการเชิงพาณิชย์ระดับลักชัวรี ขยายความสูงของประตูบานเลื่อน สูงสุด 4.5 เมตร และหน้าต่างบานเปิด สูงสุด 3.5 เมตร

“ กลุ่มผลิตภัณฑ์ ATIS กับ Streamline Design ดีไซน์ไร้รอยต่อที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อันสวยงาม เส้นกรอบ พื้นผิวกรอบประตูหน้าต่างและการใช้งานทำงานร่วมกันอย่างนุ่มนวลสามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
Smart Insect Screen นวัตกรรมมุ้งลวดล่องหน ที่ช่วยป้องกันแมลงและมลพิษจากภายนอกมุ้งลวดที่สามารถเพิ่มการมองเห็น ”

 

โดย ทอสเท็ม พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษและกิจกรรมทางการตลาดมาร่วมในงานสถาปนิก'67 ครั้งนี้ ณ เมืองโอชาก้า ประเทศญี่ปุ่น เดือนเมษายน - ตุลาคม 2568 จำนวน 3 รางวัล 6 ที่นั่ง ร่วมสัมผัสนวัตกรรมสู่ตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม 101 ปี ทอสเท็ม (TOSTEM) พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษได้ในงาน สถาปนิก’67 (Architect Expo 2024) ระหว่างวันที่ 30 เม.ย. – 5 พ.ค. 67 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 ประตู 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี บูธ D101